แน่นอนว่าตั้งแต่สมัยแรกก่อนคริสตกาลที่ค้นพบว่า ชา นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุนทรียะแล้ว ก็ยังใช้เป็นยารักษาโรคได้ด้วย มีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ มีวีตามิน และอื่น ๆ ที่เราขอชวนไปรู้จักกันในบรรทัดต่อไป
1. ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น: งานวิจัยปี 2022 ที่ตีพิมพ์ใน Annals of Internal Medicine หนึ่งในวารสารการแพทย์ของอเมริกาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของโลก ผลจากการวิจัยกับการติดตามผลกว่าหนึ่งทศวรรษ และตัวอย่างการทดลองกว่าครึ่งล้านคนแสดงให้เห็นว่า ชาวอังกฤษที่ดื่มชาวันละ 2 แก้วขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มชาถึง 13% โดยเฉพาะกับคนมที่ดื่มชาดำ
ซึ่งเชื่อว่าคงเป็นเพราะสรรพคุณของชาที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง Polyphenols กับ Catechin อันเป็นสารที่ช่วยลดโอกาสเกิดของมะเร็ง ช่วยยับยั้งไม่ให้เป็นโรคความดันโลหิต และอีกสารพัดประโยชน์
2. ช่วยลดความเครียด: เอาจริง ๆ ชามีความคล้ายกาแฟอยู่ 2 อย่างในส่วนที่สามารถช่วยผ่อนคลายจากความเครียดต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
3. ชาบำรุงกระดูก: งานวิจัยในปี 2002 ชื่อ ‘Epidemiological Evidence of Increased Bone Mineral Density in Habitual Tea Drinkers’ พบว่าเมื่อดื่มชาทุกวัน ๆ เป็นเวลากว่า 10 ปี ความหนาแน่นของกระดูกจะเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นผล โดยเฉพาะในชาเขียว และเชื่อว่าเป็นผลมาจากสารต้านอนุมูลอิสระ
4. ลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน: หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินที่คนบอก ๆ ต่อกันมาว่า ‘ดื่มชาช่วยลดน้ำหนักได้’ และความจริงก็คือชาไม่มีแคลอรี่ (calorie free) ถ้าไม่เติมนมหรือน้ำตาลเพิ่มเข้าไปนะ แถมบางงานวิจัยบอกว่าสารคาเฟอีนกับ คาเทชิน (Catechin) ในชาอาจจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นด้วย ไม่เท่านั้น ว่ากันว่าสาร โพลีฟีนอล (Polyphenols) มีความสามารถในการยับยั้งเอนไซส์ เช่น แลคโตสและชะลอการดูดซึมกลูโคสก็มีส่วนช่วยในการยับยั้งการเกิดโรคเบาหวานเหมือนกัน
5. ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ: ที่ชามีส่วนช่วยให้หัวใจแข็งแรงนั้นเป็นเพราะสารหลากประโยชน์ที่เราพูดถึงบ่อยครั้งมากในหัวข้อนี้ อย่างโพลีฟีนอลและอีกอย่างคือสารคาเทชินที่พบได้มากเป็นพิเศษในชาเขียวซึ่งจะแสดงผลที่ดีต่อหลอดเลือดและหัวใจ